
26 views
25/05/2025 17:00
การ ยื่นภาษีนิติบุคคล 67 เป็นภารกิจสำคัญของผู้ประกอบการที่จดทะเบียนในรูปแบบบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ซึ่งตามกฎหมายต้องจัดทำงบการเงินประจำปีและยื่นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้กรมสรรพากรภายใน 150 วันนับจากวันสิ้นรอบบัญชีปกติ โดยมากจะตรงกับวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 สำหรับบริษัทที่รอบบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566 การเตรียมเอกสารควรร่วมมือกับผู้ทำบัญชีและผู้สอบบัญชี เพื่อให้รายการบัญชีถูกต้อง ชัดเจน และสามารถแสดงกำไรสุทธิที่จะนำไปคำนวณภาษีได้อย่างโปร่งใส ผู้ประกอบการควรวางแผนการใช้สิทธิลดหย่อนทางภาษีที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น ค่าซื้อสินทรัพย์เพื่อการผลิต ค่าลดหย่อนเงินบริจาค และการตั้งสำรองต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ธุรกิจ
- เตรียมงบการเงินและรายงานผู้สอบบัญชี
บริษัทต้องจัดทำงบการเงินที่ผ่านการตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต และได้รับการรับรองจากผู้มีอำนาจลงนามในบริษัท พร้อมยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
- ยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 ต่อกรมสรรพากร
ภายหลังจัดทำงบการเงิน บริษัทต้องกรอกแบบ ภ.ง.ด.50 ผ่านระบบ e-Filing ของกรมสรรพากร และคำนวณ ยื่นภาษีนิติบุคคล ปี 2567 จากกำไรสุทธิที่เกิดขึ้นจริง พร้อมแนบเอกสารประกอบ
- ชำระภาษีและตรวจสอบการยื่นให้สมบูรณ์
ภาษีที่ต้องชำระสามารถโอนผ่านธนาคารหรือตัดผ่านระบบออนไลน์ได้ทันที หลังจากนั้นควรพิมพ์ใบเสร็จและตรวจสอบสถานะการยื่นให้ครบถ้วน เพื่อลดความเสี่ยงจากค่าปรับ
- ใช้สิทธิลดหย่อนและมาตรการภาษีตามกฎหมาย
ผู้ประกอบการควรศึกษาการ ยื่นภาษีนิติบุคคล ปี 2567 และใช้สิทธิหักลดหย่อน เช่น ค่าลงทุนเพื่อพลังงานทางเลือก ค่าฝึกอบรมพนักงาน หรือเงินบริจาคเพื่อการศึกษา ซึ่งสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงกว่าปกติ
- ตรวจสอบความถูกต้องของรายการทางบัญชี
ข้อผิดพลาดจากบัญชี เช่น รายการที่ไม่ตรงกับเอกสาร หรือค่าใช้จ่ายที่ขาดหลักฐาน อาจทำให้ถูกตรวจสอบย้อนหลังและเสียค่าปรับโดยไม่จำเป็น
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนภาษีเชิงกลยุทธ์
ผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีหรือภาษีสามารถช่วยวางโครงสร้างธุรกิจให้เหมาะสม ตั้งแต่การแบ่งรายจ่ายประเภทต่าง ๆ ไปจนถึงการวางแผนจัดสรรผลกำไรในแต่ละปี
การ ยื่นภาษีนิติบุคคล 67 ครอบคลุมรอบบัญชีปี 2566 และต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 150 วัน ควรเริ่มจากการจัดทำงบการเงินร่วมกับผู้สอบบัญชี และยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 ผ่านระบบ e-Filing ใช้สิทธิลดหย่อนให้ถูกต้อง เช่น เงินบริจาคเพื่อการศึกษา หรือการลงทุนตามนโยบายรัฐ ตรวจสอบรายการบัญชีให้ตรงกับเอกสารจริง เพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกตรวจสอบย้อนหลัง ผู้ประกอบการควรประเมินกำไรสุทธิก่อนสิ้นรอบบัญชี เพื่อจัดการภาระภาษีล่วงหน้า การมีที่ปรึกษาด้านบัญชีและภาษีช่วยให้ธุรกิจประหยัดภาษีได้อย่างถูกกฎหมาย การเสียภาษีอย่างถูกต้อง สร้างความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจในระยะยาว การวางแผนภาษีที่ดีจึงเป็นหัวใจของธุรกิจที่มั่นคงและเติบโตได้อย่างยั่งยืน